“พ่อกับแม่ ปูทางให้ลูกไว้ หมดแล้ว”
“พ่อกับแม่ ปูทางให้ลูกไว้ หมดแล้ว”
...ก่อนปูทางให้ลูก รู้ไหมว่าลูกอยากเดินทางไหน
อย่าได้ “พยายาม” ปั้นลูกเราให้เหมือนลูกใคร
อย่าได้ “ขีดเส้น” ให้ลูกเราเดินตามลูกใคร
อย่าได้ “ตั้งเป้า” ให้ลูกเรามีจุดหมายแบบใคร
อย่าได้ “บังคับ” ให้ลูกเราเป็นอย่างใคร
เด็กทุกคนมี “สิ่งวิเศษ” ติดตัวมาทุกคน และ “สิ่งวิเศษ” เหล่านั้นก็ไม่ได้เหมือนกันทุกคน เรามีหน้าทีเพียง เฝ้ามองและค้นหา “สิ่งวิเศษ” ในตัวลูกเราให้เจอ และสนับสนุน ส่งเสริม “สิ่งวิเศษ” นั้น
อย่าพยายามกดลูกลงพิมพ์ ให้ออกมาเป็นบล็อคเดียวกัน
ลูกใครเรียนอันนี้แล้วดี ก็พยายามจะส่งลูกเราไปเรียนบ้าง
ลูกใครทำได้แบบนี้ ก็พยายามกระตุ้นให้ลูกเราทำได้แบบนั้นบ้าง
ลูกใครคิดแบบนั้น ก็พยายามจะบอกให้ลูกเราคิดแบบเดียวกับเขาบ้าง
แบบนั้นไม่ใช่การค้นหา “สิ่งวิเศษ” ในตัวลูกเรา แต่เรากำลังพยายาม “ลบสิ่งวิเศษ” ที่ลูกเรามี
แล้วยัดอย่างอื่นที่ได้ดั่งใจเราเข้าไปแทนที่
.
ลูกเรา ไม่ต้องเหมือนลูกใครก็ได้
ลูกเรา ไม่ต้องเก่งเท่าลูกใครก็ได้
ลูกเรา ไม่ต้องคิดเหมือนลูกใครก็ได้
ลูกเรา ไม่ต้องมีเป้าหมายเดียวกับลูกใครก็ได้
หรือแม้แต่ ลูกเราไม่ต้อง“เหมือน” เรายังได้เลย
ขอแค่ให้เค้าเป็นในสิ่งที่เค้า “ตั้งใจจะเป็น”และอยู่ในขอบเขตของความดีงาม นั่นหละพอแล้ว ..
เพราะเราคือผู้ให้ชีวิต เราไม่ใช่เจ้าของชีวิตลูก เรามีหน้าที่ประคับประคอง ไม่ใช่เอาเชือกผูกแล้วลากลูกให้เดิน ชี้แนะ บอกทาง แต่ไม่ใช่ “สั่งให้เดิน”
เริ่มต้นเฝ้ามอง “สิ่งวิเศษ” ในตัวลูกของเรากันดีกว่า หยุดเฝ้ามอง “สิ่งวิเศษ” ในตัวลูกคนอื่น แล้วพยายามจะนำสิ่งเหล่านั้นมาใส่ในตัวลูกเราให้หมดทุกอย่าง เพื่อให้เหมือนลูกคนอื่นเป็น
เด็กสวยงามเสมอ .. ถ้าได้ยิ้มอย่างมีความสุข เชื่อไหม?
#habitcoach